
แนะนำ 3 วิธีลดริ้วรอย จบปัญหาผิวที่มาพร้อมกับความแก่
ปัญหาริ้วรอย แทบจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเมื่อเราเริ่มอายุมากขึ้น แต่ก็มีเทคโนโลยีอยู่มากมายที่จะมาตัวช่วยในการลดริ้วรอย ชะลอการแก่ตัวของผิว และฟื้นฟูให้ผิวกลับมากระชับเต่งตึงได้
ก่อนจะไปดู 3 วิธีลดริ้วรอยที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลได้รวดเร็วกว่าการทาครีมบำรุง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ริ้วรอย คืออะไร เกิดจากอะไร และมีกี่ประเภท
ริ้วรอย คืออะไร
ริ้วรอย (Wrinkles) คือ ผิวหนังที่สูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับตามธรรมชาติ จนทำให้เกิดรอยยับบนผิวหน้า ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นเส้นริ้วตื้นหรือเป็นร่องลึกก็ได้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการถูกทำร้ายของผิว โดยริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่มักพบในวัย 40 ปีขึ้นไป แต่ในบางคนก็อาจจะเริ่มเห็นริ้วรอยเส้นบาง ๆ ตั้งแต่ช่วงอายุ 25 ปีเลยก็ได้
ริ้วรอย เกิดจากอะไร
- อายุที่เพิ่มขึ้น
- เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเต่งตึง
- รังสียูวีในแสงแดด
- รังสียูวีทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัยและเกิดริ้วรอยลึก
- ฝุ่นและควัน
- มลภาวะทางอากาศเป็นแหล่งของสารอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ และสูญเสียความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง ส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอยได้ง่าย
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การนอนหลับไม่เพียงพอรบกวนกระบวนการซ่อมแซมผิวในช่วงกลางคืน ทำให้ผิวอ่อนล้าและแก่ตัวเร็วขึ้น
- ความเครียดสะสม
- ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เพิ่มการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้ผิวโทรมและเสียสมดุล
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- นิโคตินในบุหรี่มีผลทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง อีกทั้งควันบุหรี่ยังเป็นสารอนุมูลอิสระที่มีทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ในขณะที่แอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดน้ำ
- ภาวะผิวแห้งและขาดน้ำ
- ผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื้นสูญเสียความยืดหยุ่น จึงเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- การแสดงสีหน้าแบบซ้ำ ๆ
- การแสดงสีหน้า เช่น การหัวเราะ ร้องไห้ หรือคิ้วขมวดบ่อย ๆ ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น
ประเภทของริ้วรอย
ริ้วรอยบนใบหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- Static lines: เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว ทำให้เกิดเส้นริ้วที่มักปรากฏที่รอบตาและหน้าผาก
- Dynamic lines: เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว
- Wrinkle folds: เป็นริ้วรอยลึกที่เกิดจากการสูญเสียมวลไขมันและคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดร่องลึก
บริเวณที่มักเกิดริ้วรอย
- หน้าผากและคิ้ว: สำหรับริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนหน้าผาก ขึ้นมาจากการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า เช่นการเลิกคิ้ว หรือการขมวดคิ้วบ่อยๆ
- ร่องแก้ม: สำหรับริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณนี้นั้น ก็มีสาเหตุอันเนื่องมาจากการแสดงสีหน้าด้วยการยิ้มหรือหัวเราะ นอกจากนี้ความหย่อนคล้อยของผิวหนังก็เป็นปัจจัยในการเกิดเช่นกัน มักเป็นร่องลึกตั้งแต่ปีกจมูกไปจนถึงมุมปาก
- ลำคอ: ผิวหนังบริเวณคอจะเริ่มขาดความยืดหยุ่นและมีความหย่อนคล้อยมากขึ้น เมื่ออายุมากยิ่งขึ้น
- รอบดวงตา: ริ้วรอยรอบดวงตา จะได้แก่ ริ้วรอยใต้ตาที่เป็นเส้นบาง ๆ หรือรอยตีนกาบริเวณหางตา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผิวหนังมีความบอบบาง
3 วิธีลดริ้วรอย คืนความอ่อนวัยให้ผิว
ในปัจจุบัน เราก็มีเทคโนโลยีลดริ้วรอยที่ประสิทธิภาพอยู่มากมาย โดยในบทความนี้ได้รวบรวม 3 วิธีลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ โปรแกรมโบท็อกซ์ เลเซอร์ และโปรแกรมฟิลเลอร์
โปรแกรมโบท็อกซ์
โปรแกรมโบท็อกซ์ใช้สารโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งออกฤทธิ์ในการลดการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยประเภท Dynamic Lines ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเช่น เช่น ริ้วรอยบนหน้าผากหรือรอบดวงตา โดยผลลัพธ์ของโปรแกรมโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นได้ในช่วง 3-4 วันหลังฉีด และสามารถอยู่ได้นาน 3-6 เดือน
โปรแกรม Ultherapy
โปรแกรม Ultherapy เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound - HIFU) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยแบบ Static Lines และยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยผลลัพธ์ของ โปรแกรม Ultherapy จะค่อย ๆ เห็นชัดภายใน 2-3 เดือนหลังทำ และสามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
โปรแกรมฟิลเลอร์
โปรแกรมฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน โดยไฮยาลูรอนิก แอซิดเป็นสารประกอบที่พบได้ตามธรรมชาติตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น รวมถึงช่วยเพิ่มปริมาตรและความยืดหยุ่นให้อวัยวะ
เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิว ตัวสารจะเข้าไปเติมเต็มร่องลึก-ร่องตื้นที่เกิดจากการสูญเสียวอลลุ่มของผิว เช่น ร่องแก้ม หรือริ้วรอยรอบปาก เหมาะกับริ้วรอยประเภท Static Lines และ Wrinkle Folds โปรแกรมฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำครั้งแรกและสามารถอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และการดูแลผิวหลังทำ
วิธีลดริ้วรอยแบบไหน เหมาะกับตัวเราที่สุด?
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ 3 วิธีในการลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมสูงไปแล้ว หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า แล้วตัวเราเหมาะกับการลดริ้วรอยวิธีไหนที่สุด?
คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่เรามี เช่น หากคุณมีริ้วรอยประเภท Dynamic Lines เป็นส่วนใหญ่ โปรแกรมโบท็อกซ์ก็จะถือว่าเป็นทางเลือกที่จะเหมาะสมดีสุด แต่หากคุณมีริ้วรอยแบบ Static Lines ที่ต้องการการเติมเต็มที่แบบเห็นผลรวดเร็ว โปรแกรมฟิลเลอร์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า ซึ่งการตัดสินใจเลือกตรงนี้ เราสามารถปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีลดริ้วรอยแบบไหน เราก็ควรเลือกรับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ โดยไม่ลืมที่จะศึกษาข้อมูลและอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนเข้ารับบริการ
10 วิธีดูแลผิวให้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดริ้วรอย
อย่างที่กล่าวข้างต้นไปว่า ปัญหาริ้วรอย เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งอายุ พฤติกรรม และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การดูแลผิวในทุก ๆ วันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโครงสร้างผิวให้แข็งแรง มีสุขภาพดี เพื่อลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรงและเป็นเวลานาน โดยสวมหมวกหรือพกร่มกันแดดติดตัวเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ใช้ครีมกันแดดที่มีทั้ง SPF 30+ และ PA ก่อนออกแดดเป็นประจำ
- ใช้ครีมบำรุงเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างสม่ำเสมอ
- เลือกใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ไม่ระคายเคืองต่อผิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย เช่น กลุ่ม Q10, กรดวิตามินเอ, AHA หรือกลุ่มที่มีสาร Hyaluronic acid
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน
- งดสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเครียดสะสม
- รับประทานอาหารที่กลุ่มวิตามิน A, C และ E ซึ่งมีต่อต้านสารอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
- การดื่มน้ำควรดื่มวันละ 6 - 8 แก้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและร่างกาย
โปรแกรมฟิลเลอร์ BELO ทางเลือกลดริ้วรอยของคนมีเวลาน้อย
สำหรับคนที่มองหาวิธีลดริ้วรอยร่องตื้นและปรับปรุงคุณภาพผิว BELO Revive คือ โปรแกรมฟิลเลอร์เกรดพรีเมียมที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลกมากว่า 20 ปี ด้วย CPM Technology นวัตกรรมการผลิตลิขสิทธิ์ของ BELO ที่ให้เนื้อเนียนละเอียด ให้ผลลัพธ์ 4 มิติ มอบผิวอิ่มฟู เนียน เด้ง ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ยาวนานถึง 9 เดือน
และ BELO Balance ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกทั่วใบหน้า มีคุณสมบัติ High Cohesivity เกาะตัวกับชั้นผิวได้ดี แม้ในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวมาก คืนความอ่อนวัยให้ใบหน้า ยาวนานถึง 8 เดือน
นอกจากนี้ยังมี BELO Soft ตัวช่วยในการลดริ้วรอยร่องตื้นบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา ไม่ทำให้เกิด “Tyndall Effect” หรือภาวะผิวใต้ตามีสีอมเทาหลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ให้ผิวหน้าเรียบเนียน ริ้วรอยดูจางลงนาน 4-6 เดือน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมฟิลเลอร์ BELO หรือ ค้นหาคลินิกที่ให้บริการ BELO ได้ทางเว็บไซต์ของเรา